จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง หรือ Photosynthetic Microorganisms : PSB และหัวเชื้อจุลินทรีย์
เป็นกลุ่มจุลินทรีย์สังเคราะห์ที่มีประโยชน์สูงและส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช รู้จักกันมานานแล้วในชื่อฮอร์โมนไข่ เนื่องจากส่วนประกอบหลักคือไข่สด ซึ่งเป็นโปรตีนจากธรรมชาติที่หาได้ง่าย
จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง มีประโยชน์อย่างไร
จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง (Photosybthetic Bacteria : PSB) เป็นแบคทีเรียที่สามารถพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ บทบาทสำคัญในกระบวนการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ (CO2 – Assimilation) รวมไปถึงการตรึงไนไตรเจน (Nitrogen Fixation) มีความสำคัญในระบบนิเวศน์ ซึ่งสัตว์ขนาดเล็กจำพวก ปลา กุ้ง หอย และปู สามารถนำมาใช้เป็นอาหารได้
นอกจากภาคเกษตรแล้ว ยังมีการนำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงไปใช้ในการบำบัดน้ำเสียจากครัวเรือนและการทำปศุสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ด้านเกษตร
สำหรับที่นำมาใช้ในการเกษตรและสิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่ม จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีม่วง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่สะสมกำมะถัน โดยแบคทีเรียชนิดนี้เมื่ออยู่ในสภาวะที่มีแสง จะเกิดกระบวนการใช้แสง ถ้าสิ่งแวดล้อมนั้น ๆ ไม่มีแสงก็เปลี่ยนระบบมาเป็นกระบวนการที่ไม่ต้องใช้แสง ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
ฉะนั้นจึงนำประโยชน์จากกระบวนการดำรงชีวิตนี้ มาใช้ในการ ปรับปรุงสภาพดิน ให้เหมาะสมกับการดูดซึมสารอาหารของพืช รวมไปถึงช่วยเพิ่มผลผลิตให้แก่พืช ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และช่วยให้พืชเจริญเติบโตดีกว่าเดิม
- ช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงถึง 50%
- ช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องปุ๋ย และแร่ธาตุอาหารแก่พืช
- ช่วยกระตุ้นรากพืช ทำให้สามารถดูดซึมธาตุอาหารได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยกระตุ้นให้พืชมีภูมิต้านทานต่อโรคพืชต่าง ๆ ได้มากขึ้น
ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม
สามารถใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ช่วยดับกลิ่นในครัวเรือน และในห้องน้ำได้ ใช้ทดแทน EM ในการกำจัดแบคทีเรียชนิดเลว ทั้งยังสามารถนำไปผสมกับน้ำหมักชีวภาพ หรือ ปุ๋ยชีวภาพสูตรต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ดินได้ด้วย ที่สำคัญคือ ช่วยลด หรือกำจัดก๊าซไข่เน่า (ไฮโดรเจนซัลไฟด์) ที่มีอยู่ในดิน และเปลี่ยนไฮโดรเจนซัลไฟด์ ให้กลายเป็นฮอร์โมน ที่พืชต้องการ
ใช้บำบัดน้ำเสีย ได้ดีกว่า หัวเชื้อจุลินทรีย์ EM หรือเทียบเท่า ซึ่งจะช่วยรักษาสภาพแวดล้อม และเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีในน้ำ ให้เป็นตัวช่วยเสริมและกำจัดกลิ่นเหม็น ที่มาจากน้ำเสีย ละลายสารเคมีที่เป็นอันตรายในน้ำ รวมไปถึงสารแขวนลอยชนิดต่าง ๆ ทำให้ลดต้นทุนในการบำบัดน้ำเสียลงได้มาก
ใช้ผสมกับหัวเชื้อจุลินทรีย์ EM ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์
สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในฟาร์มปศุสัตว์ โดยช่วยให้สัตว์มีสุขภาพดี โตไว ไม่เป็นโรค ทั้งยังช่วยลดจำนวนของแมลง และเชื้อโรคได้หลายชนิด ทำให้สัตว์แข็งแรง และมีภูมิต้านทานต่อโรคมากขึ้น เนื้อมีคุณภาพดีขึ้น หากใส่ในแหล่งน้ำ จะทำให้เพิ่มสารอาหารแก่สัตว์น้ำและพืชน้ำ ได้ประโยชน์หลายอย่าง
รู้อย่างนี้แล้ว จะไม่ลองทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงใช้เองบ้างหรือ
ทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงใช้เอง กี่วันถึงจะแดง
ก่อนจะทำให้แดง ลองมาดูส่วนผสมกันก่อน อันดับแรกเริ่มให้เตรียมของมาดังนี้
- น้ำสะอาด 10 ลิตร
- ไข่สด (ไข่เป็ด ไข่ไก่ 1 ฟอง)
- สารเร่ง (มีหรือไม่ก็ได้) เช่น ผงชูรส เครื่องดื่มชูกำลัง นมเปรี้ยว น้ำปลา น้ำตาล ฯลฯ ซึ่งเป็นตัวช่วยเร่งความเร็วในการหมัก
ขั้นตอนการทำก็ไม่ยาก นำไข่สดตีให้เข้ากัน ใส่ส่วนผสมอื่นตามลงไป เช่น น้ำปลา, นมเปรี้ยว, ผงชูรส, กะปิ, นม หรือน้ำตาล อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งส่วนผสมที่เป็นตัวเร่ง ใช้แค่ 1 ช้อนชา (ใส่มากก็เปลือง เพราะไม่ได้ช่วยเร่งปฏิกิริยาอะไรมากมาย โดยหลักการก็ขึ้นอยู่กับแสงแดด) แล้วคนให้เข้ากันดี
เสร็จแล้วนำไข่ที่ตีแล้วเทลงไปผสมกับน้ำสะอาดในขวด อัตราส่วน ไข่ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 ลิตรโดยประมาณ ใส่มากกว่านี้ก็เปลือง เพราะไม่ได้ช่วยเร่งปฏิกิริยาอะไรมากมาย โดยหลักการก็ขึ้นอยู่กับแสงแดด เมื่อเทส่วนผสมได้ที่แล้วก็เขย่าๆ ให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง จะได้น้ำสีขาวขุ่นๆ แล้วนำไปตากแดดในที่แดดส่องถึงทั้งวัน รอเวลาให้เกิดสีแดง
ไข่ 1 ฟองสามารถผสมกับน้ำได้มากสุด 10 ลิตร ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าประหยัดสุดๆ และได้ผลแน่นอน
ทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงใช้เอง ทำไมเป็นสีเขียว ไม่แดง
ขั้นตอนการหมัก เมื่อได้ส่วนผสมที่เข้ากันดี นำมาผสมลงในขวดเขย่าๆ ให้เข้ากันจนได้น้ำสีขาวขุ่น ก็นำไปตากแดด ทิ้งไว้อย่างน้อยประมาณ 10 วัน น้ำในขวดก็จะเกิดการเปลี่ยนสี จากสีขาวขุ่นๆ ค่อยๆ กลายเป็นสีแดงเข้ม ภายใน 1 เดือนเป็นอย่างต่ำจะต้องได้สีสด สียิ่งแดงเข้มมากๆ ประสิทธิภาพจะยิ่งดีมากด้วย
ทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงใช้เอง ทำไมออกสีเขียว ทำไมไม่เป็นสีแดง หรือ ทำไมเป็นแต่สีแดง ไม่เคยเจอสีเขียว สีเขียวเป็นตะไคร่หรือเปล่า แล้วใช้รดผัก บำรุงดินได้ไหม หลากหลายคำถาม มีคำตอบตรงนี้…
สาเหตุที่จุลินทรีย์สังเคราะ์แสงเป็นสีเขียว หรือสีแดง เป็นเพราะ “น้ำ” หากใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ จะได้ทั้งสีเขียวและสีแดง เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้มีอยู่ในธรรมชาติแล้วนั่นเอง เราเพียงแค่ ขยายและเพิ่มจำนวนมันให้มีมากขึ้นเท่านั้นเอง
สีเขียว หรือ สีแดง?
เพราะเป็นจุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่สีจะออกมามีทั้งเขียวและแดง
สาเหตุที่เป็นสีเขียวเมื่อหมักจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงแล้วเป็นสีเขียว คุณมาถูกทางแล้ว หากอยากให้มีสีแดง ให้ตากแดดทิ้งไว้ต่อไป จนกว่าสีจะเปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนแบคทีเรียที่มี การเติมไข่ หรือหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีแดงเพิ่มเข้าไป จะช่วยเร่งปฏิกิริยาให้สีชัดเจนยิ่งขึ้น
สีแดง หรือ สีเขียว ก็ใช้ได้ผลเหมือนกัน
ถ้าน้ำไม่สกปรกมีเชื้อโรคหรือมีดินโคลนมากจนเกินไป (ซึ่งก็จะเกิดเป็นเชื้อรา และน้ำจะเน่า) ก็จะได้หัวเชื้อจุลินทรีย์อย่างแน่นอนภายใน 1 เดือน
เมื่อตากแดดจนจุลินทรีย์ในขวดเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดแล้ว (หากมีสีเขียวจัด ให้ตากแดดต่อไปจนกลายเป็นสีแดง) ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แล้ว โดยนำไปเป็นหัวเชื้อ ผสมน้ำ 10 ส่วน ใช้รดโคนพืชผัก ฉีดพ่นใบ ช่วยให้พืชผักเจริญเติบโตดี ฉีดพ่นโคนราก ดิน จะช่วยปรับสภาพดินให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น
ฉีดพ่นหรือราดให้ทั่วแปลงปลูกได้เรื่อยๆ วันเว้นวัน ไม่มีอันตรายใดๆ ยิ่งให้มากยิ่งดีกับดินและพืชผัก ข้อเสียคือจะเปลือง และอาจมีกลิ่นเท่านั้นเอง
การขยายหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
เพียงนำหัวเชื้อไปผสมกับน้ำสะอาด ในอัตราส่วน หัวเชื้อ 1 ลิตร ผสมน้ำได้สูงสุด 10 ลิตร และเขย่าผสมนำไปตากแดดซ้ำอีก 1 เดือนก็จะได้หัวเชื้อนำมาใช้ซ้ำได้ ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะทำให้ได้หัวเชื้อจุลินทรีย์ได้ไม่จำกัด
ในการขยายหัวเชื้อ สามารถเติมไข่และส่วนผสมเพื่อเร่งการหมักได้ เหมือนกับขั้นตอนการทำหัวเชื้อในช่วงแรก ได้เพื่อช่วยเร่งให้เกิดสีได้เร็วขึ้น แต่ระยะเวลาโดยประมาณก็ 30 วันเป็นอย่างต่ำ
หมักหัวเชื้อทำเอง ก็สะดวกในการบำรุงพืชผักและดิน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการซื้อปุ๋ย และฮอร์โมนต่างๆ ให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แถมยังใช้ได้ต่อเนื่องไม่มีผลเสียใดๆ รู้อย่างนี้ ไม่ลองทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงใช้เองดูเองไม่ได้แล้ว
โทษของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
แต่เดิมเรารู้กันว่า ยิ่งใช้ก็ยิ่งมีประโยชน์ มักจะไม่เจอโทษหรือผลเสียหาย แต่ปัจจุบันมันเกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากการใช้จุลินทรีย์ที่เกิดจากการหมักดองประเภทนี้ มันจะทำให้เราได้จุลินทรีย์จริง หรือ อาจได้เชื้อโรคที่เข้าใจว่าเป็นประโยชน์ มีคนสงสัยกันไหมในข้อนี้
ตามที่หลายคนตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าในส่วนของการปนเปื้อนของหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง และนำมาซึ่งเชื้อที่สามารถก่อโรคระบาดสู่เกษตรกรผู้ใช้ เนื่องจากผลของการใช้ของหมักมาเป็นอาหารให้หัวเชื้อและเกิดการปนเปื้อน
ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับโทษของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงที่ปนเปื้อน จากผู้ใช้จริง
ข้อสังเกตุคือ “ถ้าสีแดงที่พบนั้น คือ แบคทีเรียสังเคราะห์แสงจริง น้ำสีแดงหรือสีเขียวก็ไม่ควรจะมีสีเมื่อหมักตั้งไว้ในที่ร่ม เนื่องจากไม่เกิดการสังคราะห์แสงจริง (ไม่โดนแสง)”
ข้อพิสูจน์แล้วคือ “จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสามารถเจริญได้ทั้งในแบบใช้แสงและไม่ใช้แสง
นอกจากนี้ ไม่เคยพบรายงานใดที่ระบุว่าจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเป็นสาเหตุในการเกิดโรคต่อเกษตรกร นักวิจัยของญี่ปุ่นเป็นชาติแรกที่ค้นพบว่านอกจากจะมีประโยชน์กับพืชแล้ว สามารถผสมอาหารเพื่อเลี้ยงสัตว์ได้ด้วย”
แต่ก็ยังไม่จบที่ว่า เชื้อที่ก่อโรคสามารถพบได้ตามธรรมชาติทั่วไป เพราะในธรรมชาติ มีจุลินทรีย์หลายชนิดที่สร้าง pigment เม็ดสีในเซลล์ได้ เช่น ยีสต์ รา รวมถึงแบคทีเรีย ถึงจะไม่มีกระบวนการสังเคราะห์แสงแต่เซลล์ก็ยังแดงได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่หลายคนกลัว ว่าการใช้จุลินทรีย์ที่ไม่ได้ผ่านการทำอย่างถูกวิธี จะมีการปนเปื้อนของเชื้อที่ก่อโรคตั้งแต่คราวแรก และอาจทำให้เกิดโทษมากกว่าได้ประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน
สรุป : แม้ว่าการทำหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงใช้เอง แบบไม่ได้มาตรฐาน (เฉพาะในห้องแลปเท่านั้นที่จะไม่มีการปนเปื้อน) แต่ในความเป็นจริง ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ระดับการปนเปื้อนจากการผลิตหัวเชื้อ จะสร้างเชื้อก่อโรคจนทำให้เกิดอันตรายต่อเกษตรกรได้จริง เพราะถึงอย่างไร การทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ย่อมได้ประโยชน์มากกว่าโทษอย่างแน่นอน
ความรู้ด้านการทำเกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ ล่าสุดในตอนนี้
การเพาะเห็ดในโอ่ง วิธีทำให้ได้ผลผลิตดี
การเพาะเห็ด ใช่ว่าจะจำกัดแค่เทคนิคเดิม ๆ เพราะมีหลายปัจจัย ที่ทำให้ การทำเกษตร ถูกปรับเปลี่ยนวิธีการ
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมจุลินทรีย์ที่ใช้ทำเกษตรอินทรีย์
จุลินทรีย์ที่ใช้ทำเกษตร ปกติการทำเกษตรอินทรีย์พื้นฐานง่ายๆ มักจะงดเว้นการใช้สารเคมี และสารเร่งชนิดต่
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมกาแฟอาราบิก้า พันธุ์ที่ชาวมาเลเซียนิยมดื่ม
เชื่อว่าหลายคนมักจะเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยกาแฟแก้วโปรด เพราะในกาแฟมีส่วนผสมอย่างคาเฟอีนที่ช่วยปลุกให
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมข้าวไร่สามเดือน พันธุ์ทนแล้ง ให้ผลผลิตเร็ว
ข้าวไร่สามเดือน สายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเร็วในเวลาแค่ 3 เดือนเท่านั้น มีทั้งหมดถึง 5 สายพันธุ์
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมแนะวิธีการปลูกต้นมะม่วงหิมพานต์ให้ได้ผลดี
มะม่วงหิมพานต์ ชื่อนี้หลายคนคุ้นเคยกันดี เนื่องจากเม็ดนั้นอร่อย ไม่ว่าจะทอด อบ หรือคั่ว มะม่วงหิมพาน
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมระบบน้ำหยดทำเองแบบง่ายและประหยัด
ระบบน้ำหยดทำเอง ไปเจอภูมิปัญญาชาวบ้านมา อยากแนะนำมาก แต่ยังไม่ได้ทดลองกับตัวเองว่าจะมีประสิทธิภาพเท่
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมแนะนำสินค้าจัดโปรโมชั่นพิเศษ
สถิติการรีวิวล่าสุด
คุณก็รีวิวบทความเราได้ แค่แชร์ แนะนำ หรือบอกต่อให้กับเพื่อนคุณ 💚
บทความเกษตรน่าสนใจ
แนะนำบทความเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ และน่าติดตาม บทความยอดนิยม
แนะนำบทความยอดนิยม ในหมวดต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับสมาชิกที่ต้องการเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์แบบพอเพียง และยั่งยืน เนื้อหาเข้าใจง่าย ทำได้จริง จากผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรโดยตรง
เก็บโค้ดส่งฟรี เดือนเมษายน 66
การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับการทำเกษตรอินทรีย์
ปลูกมะละกอ 1 ไร่อย่างไรให้ได้เดือนละแสน