ปลูกมะยงชิดต้นเดียว รวยได้จริงไหม ถ้ามีลูกปีละหน : ทำเกษตรอินทรีย์

มะยงชิด เป็นผลไม้ที่ปลูกแล้วได้กิน ปีละหน แม้จะนานไปหน่อย แต่ก็อร่อยและได้ราคาดี เพราะนาน ๆ มีให้กินที ราคาขายดี กำไรงาม

ถึงปีใหม่ทีไร ผลไม้ต่างๆ ก็จะเต็มสวนไปหมด จริงๆ แล้วผลไม้ช่วงปีใหม่ เริ่มทยอยติดดอกออกผลไล่กันมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนแล้ว มะยงชิด ก็เช่นกัน เพราะพอเริ่มมีอากาศหนาวเย็นติดต่อกันยาวๆ 7-10 วัน ในช่วงตุลาคม-ธันวาคมของทุกปี ยอดมะยงชิดก็จะเริ่มติดดอกให้เห็น ผ่านไปซัก 3 เดือนจากลมหนาวเข้ามานั้นไม่นาน ก็เห็นผลผลิตที่พร้อมจะเก็บกินกันได้แล้วเต็มสวน บ้างก็มีวางขายแล้วในตลาดข้างบ้าน

มะยงชิด ภาษาอังกฤษคือ Marian Plum หรือ Plango

ในแต่ละปี มะยงชิด จะออกดอก 2-3 รุ่น รุ่นแรก จะออกดอกเดือนพฤศจิกายน และเก็บผลผลิตประมาณปลายเดือนมกราคม รุ่นที่สองจะออกดอกช่วงเดือนธันวาคม เก็บผลผลิตช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่ถ้าปีไหนอากาศเย็นนานจะมีรุ่นที่สามคือ ดอกจะออกต้นเดือนมกราคม และไปเก็บผลผลิตเดือนมีนาคม ถ้ามีหลายต้นอาจได้กินกันหลายเดือน เพราะแต่ละต้นอาจติดดอกไม่พร้อมกัน

แนะนำ ปลูกผลไม้ที่กินได้ตลอดทั้งปี

อยากปลูกผลไม้ ที่มีกินไปตลอดทั้งปี แนะนำดูข้อมูลนี้เลย ปลูกต้นเดียว มีกินไปตลอด คุ้มสุดๆ มีผลไม้ และผักอะไรบ้าง กดเลยจ้า

ปลูกผลไม้อะไรมีกินได้ตลอดทั้งปี

มะยงชิด ปลูกไว้ได้กินปีละหน และราคาขายที่ไม่ธรรมดา

มะยงชิด และมะปรางหวาน จากสวนแท้ 100% จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 45-300 บาท มะยงชิดไซซ์เล็ก ขายกันที่ กิโลกรัมละ 45-80 บาท ไซซ์กลาง เริ่มต้นที่ 100 บาทขึ้นไป ขณะที่ มะยงชิดไซซ์ใหญ่ เท่าไข่เป็ด เปิดราคากันที่ กิโลกรัมละ 200-500 บาทขึ้นไป ขายดีจนรวย

เห็นราคาแบบนี้ใช่ว่าจะได้ดีทุกต้น หากปลูกแล้วไม่ดูแล ดินไม่ดี ปุ๋ยไม่มีให้ แต่ก็ยังดีที่ได้กินเองทุกปี หากจะเริ่มต้นปลูกแนะนำให้เริ่มเพาะจากเมล็ดก่อน อาทิตย์เดียวก็แทงยอด จากนั้นงานหนักก็จะตามมา

เริ่มด้วยการทำเนินปลูก ระยะห่างระหว่างต้นควรมากกว่า 4 เมตร เนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ใหญ่ อายุยืน ปลูกแล้วมีกินไปตลอด แต่กว่าจะโตให้ผลผลิตอาจใช้เวลานานหลายปี ข้อดีของมะยงชิด คือปลูกได้ในทุกสภาพดิน บำรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกดีที่สุด นอกจากนี้ก็ใช้ วิธีการทำหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงใช้เอง ฉีดพ่นโคนและทางใบ จะช่วยทำให้ลำต้น ใบ และยอดแข็งแรง ช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากถึงปีละ 4 ครั้ง เฉลี่ยต้นละประมาณ 50 กิโลกรัม

การทาบกิ่งมะยงชิดให้ได้ผลผลิตโตเท่าไข่ไก่

เมื่อต้นที่ปลูกจากเมล็ดโตพอจะให้ผลผลิต หรือปลูกไปประมาณ 1-2 ปีแล้ว ให้หากิ่งพันธุ์ดีมาทำการทาบกิ่งกับต้นตอพันธุ์เดิมที่ปลูก เพื่อให้ได้ผลผลิตตามสายพันธุ์ที่ต้องการ เพราะหากปล่อยให้ ต้นมะยงชิด ที่โตจากเมล็ดออกผลจะเสี่ยงกลายพันธุ์สูง และให้รสชาติต่างจากเดิม

มะยงชิด จะให้ผลผลิตได้ในปีไหนขึ้นอยู่กับขนาดกิ่งพันธุ์ที่ใช้ ถ้ากิ่งเล็กที่สูงสักเมตรจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี แต่ถ้าใหญ่กว่านั้นจะใช้เวลาน้อยกว่า หรือแม้แต่ต้นโตที่ปลูกในตะกร้ายังสามารถออกผลได้

มะยงชิดจะให้ผลผลิต ในแต่ละปีนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ ถ้าอุณหภูมิประมาณ 20 องศาเซลเซียส จะทำให้ออกดอกดี หรือถ้าอากาศหนาวเย็น และมีฝนตกตามมา ก็ยิ่งทำให้ดอกมีมากขึ้น ผลผลิตก็มากตาม

การดูแลมะยงชิด ให้เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องดูแลมาก ให้เจริญเติบโตเองได้ เพียงอย่าปล่อยให้แล้งมาก ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์บ้าง เหมือนกับไม้ผลชนิดอื่น

โรคและแมลงศัตรูสำหรับมะยงชิด จะมีในช่วงออกดอก คืออาจมีเพลี้ยไฟเข้ามาทำลาย วิธีแก้คือ หลังจากที่ดอกบานแล้วประมาณ 4-5 วัน ให้ฉีดพ่นยาฆ่าเพลี้ยไฟ 1-2 ครั้งเท่านั้น (เว้นช่วงฉีด 1 อาทิตย์) ทั้งนี้อาจใช้หัวเชื้อสมุนไพรที่ผสมใบยาสูบและพริก ฉีดพ่นซ้ำ 3 วัน/ครั้ง ฉีดไปประมาณ 2-3 ครั้ง แล้วรอจนกว่าจะติดผล วิธีนี้จะทำให้แมลงศัตรูพืชไม่มารบกวน

มะยงชิด ภาษาอังกฤษ ใช้คำว่าอะไร

สำหรับชื่อของ มะยงชิดในภาษาอังกฤษ ปกติจะเรียกว่า Marian Plum แต่เมื่อตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ จึงถูกบัญญัติศัพท์ใหม่ว่า แพลงโก้ : Plango มาจากคำว่า Plum + Mango เพราะลักษณะผลที่ดูเหมือนลูกพลัม แต่ลูกใหญ่และผิวตึงกว่า และรสชาติที่คล้ายมะม่วงที่มาจากเอเชีย

มะยงชิด กับ มะปราง ต่างกันอย่างไร

ความจริงแล้วหากมองผิวเผินแทบจะแยกความแตกต่างของ มะยงชิด กับ มะปราง ไม่ออกเลย เหตุผลก็เพราะว่าผลไม้ทั้งสองชนิดนี้ เป็นพืชในกลุ่มเดียวกัน แถมยังเป็นผลไม้ฤดูกาลเดียวกันอีกด้วย วางใกล้ๆ กันนี่แยกกันไม่ออกหากไม่มองป้ายชื่อ

นี่ยังไม่นับรวมสายพันธุ์ของผลไม้ทั้งสองชนิด ที่มีอีกหลายสายพันธุ์ จึงทำให้มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันมากขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ตาม การแยกลักษณะที่ง่ายที่สุดว่า มะยงชิดกับมะปรางต่างกันอย่างไร ก็มีวิธีอยู่