หญ้าสุวรรณภูมิ จัดเป็นพืชในกลุ่มหญ้าหวานอิสราเอล หรือหญ้าเนเปียร์ พืชชนิดนี้เป็น พืชพลังงาน ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ รวมไปถึงใช้สำหรับเลี้ยงสัตว์ ในปัจจุบันก็มีการปลูกผักพื้นที่น้อย สร้างรายได้กันมากในหลายพื้นที่
มีการส่งเสริมให้เพาะปลูกกันมากทั้งในทางภาคเหนือและภาคใต้ โดยเฉพาะที่ จ.นครพนม มีการส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ได้เริ่มมีเพาะปลูกเพื่อสร้างรายได้กันมาก เพราะนอกจากหญ้าสุวรรณภูมินั้น จะสามารถนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ได้แล้ว ยังสามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตพลังงานไฟฟ้าได้
ในอนาคตนั้นโดยเฉพาะในพื้นที่ของ จ.นครพนมเอง จะมีการจัดตั้งโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพใน 4 อำเภอ ซึ่งจะประกอบไปด้วย อำเภอเมืองนครพนม, อำเภอธาตุพนม, อำเภอท่าอุเทน, และอำเภอนาทม
รวมถึงจะมีการใช้หญ้าสุวรรณภูมินี้ เป็นแหล่งวัตถุดิบหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้า หากว่าเกษตรกรมีการเพาะปลูกกันมาก ก็จะทำให้มีอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์ที่เพียงพอ ทั้งยังมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการจำหน่ายหญ้าสุวรรณภูมินี้
การปลูกหญ้าสุวรรณภูมิ
ที่ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์นครพนม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม โดยนายชาญชัย คงทัน รอง ผวจ.นครพนม พร้อมหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการลงสำรวจพื้นที่ และตรวจติดตามดูความคืบหน้าของแปลงเพาะปลูกพันธุ์หญ้าสุวรรณภูมิในแปลงทดสอบ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ได้เพาะปลูกกันอย่างกว้างขวางและเพิ่มขึ้น เนื่องจากจะทดลองนำเอาหญ้าสุวรรณภูมินั้นไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ผลปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาด
หญ้าสุวรรณภูมิ สามารถเติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน เป็นพืชที่โตเร็ว จากการประมาณการสามารถได้ผลผลิตอย่างน้อย 60 ตัน/ไร่/ปี และสามารถตัดได้ปีละ 3 ครั้ง จึงเป็นการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรและเป็นการสร้างความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง ทั้งค่าใช้จ่ายและความต่อเนื่องของเชื้อเพลิงที่ใช้ในโรงไฟฟ้าอีกด้วย
ประโยชน์ของหญ้าสุวรรณภูมิ
นายสมัย ศรีหาญ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยรวมถึงบำรุงพันธุ์สัตว์นครพนม ได้เผยความว่า หญ้าสุวรรณภูมินี้เป็นพืชพลังงานทดแทน ที่ปลูกแล้วสามารถจะเอาไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ รวมถึงสามารถนำไปเป็นอาหารสัตว์ได้เช่นกัน โดยเฉพาะการนำหญ้าสุวรรณภูมิไปเลี้ยงโค – กระบือ และปศุสัตว์ทั้งหลาย
นอกจากนั้นก็ยังมีสัตว์ปีก เช่น เป็ดเทศ ที่มีการทดลองให้หญ้าสุวรรภูมิเป็นส่วนผสมในอาหาร สามารถผสมอาหารได้สูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และเป็ดมีความสมบูรณ์แข็งแรงและมีคุณภาพดีพอกับการใช้อาหารสัตว์ประเภทอื่น โดยที่น้ำหนักตัวของสัตว์ไม่มีความแตกต่างกับการเลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ทั่วไป
ซึ่งก็กล่าวได้ว่า การที่จะปลูกหญ้าสุวรรณภูมิตัวนี้ในพื้นที่จังหวัดนครพนม คิดว่ามีความเหมาะสมอย่างยิ่ง สามารถปลูกได้ เพราะจากการที่ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์นครพนม ได้ทำการวิจัยรวมถึงศึกษาเปรียบเทียบระหว่างหญ้าที่มีในศูนย์หลายๆ พันธุ์ เช่น หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 หญ้าหวาน หญ้าขน รวมถึงหญ้าพื้นเมืองที่มีอยู่เป็นจำนวนมากแล้วนั้น โดยใช้มูลสัตว์ทั่วไปเป็นปุ๋ยบำรุงดิน ไม่ว่าจะเป็น มูลเป็ด มูลไก่ มูลกระบือบำรุง แล้วก็ปลูกในดินธรรมชาติพร้อมๆ กัน ปรากฏว่า หญ้าสุวรรณภูมิ ให้ผลผลิตที่สูงที่สุด ตอบสนองต่อปุ๋ยคอกที่เป็นมูลสัตว์ประเภทสัตว์ปีกมากสุด แต่หากเปรียบเทียบภาพรวมทั้งหมดแล้ว ผลผลิตที่ได้ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ราคาถูกกว่า
สำหรับการการส่งเสริมให้ปลูกหญ้าสุวรรณภูมิในพื้นที่ต่างๆ ในตอนนี้ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการ ปลูกผักพื้นที่น้อย สร้างรายได้ เริ่มมีเกษตรกรปลูกแล้วในโซนขององค์การบริหารส่วนตำบลเวินพระบาท อำเภอท่าอุเทน รวมถึงกำลังจะขยายไปในโซนอื่น ๆ ซึ่งก็กล่าวได้ว่าเกษตรกรที่สนใจอยากปลูกสามารถเข้ามาเรียนรู้ที่ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์นครพนมได้ ส่วนต้นพันธุ์หญ้าสุวรรณภูมินั้น ทางศูนย์ก็พร้อมที่จะแจกจ่ายเพื่อให้เกษตรกรได้นำไปขยายพันธุ์ต่อไปในอนาคต
หญ้าสุวรรณภูมิ พืชทนแล้ง
สิ่งที่พบรวมถึงมีลักษณะเด่นชัดของหญ้าสุวรรณภูมิ เช่นนั้นแล้วหญ้าชนิดนี้สามารถทนแล้งได้เป็นอย่างดี เมื่อเปรียบเทียบกับหญ้าชนิดอื่นๆ โดยการแตกหน่อ ยิ่งตัดยิ่งเพิ่มจำนวน
การปลูกหญ้าสุวรรณภูมิให้ได้ผลผลิตที่ดี จะใช้ท่อนพันธุ์ที่มีตาอยู่ประมาณ 2 ข้อ โดยเวลาปลูกจะใช้ข้อที่ 1 ฝังลงดิน แล้วให้อีกข้อโผล่พ้นดินเพื่อให้แตกหน่อ โดยให้มีระยะห่างของการปลูกลงแปลงปกติ ประมาณ 1.2 เมตร แต่หากว่าเกษตรกรหรือคนอ่านที่สนใจรวมถึงมีงบประมาณเพียงพอ ก็สามารถปลูกใส่ลงในท่อซีเมนต์ได้ เพราะหญ้าตัวนี้จะให้ผลผลิตที่ดีกว่าการปลูกลงแปลงปลูก เนื่องจากการปลูกในท่อซีเมนต์นั้นจะสามารถคุมแร่ธาตุในดินได้ดีกว่า
และจากการศึกษาก็ได้พบว่า การปลูกหญ้าสุวรรณภูมิโดยใช้ท่อซีเมนต์รัศมี 1.2 เมตร สำหรับเป็นกระถางปลูก ปลูกไปเพียงแค่ 4 ต้นพันธุ์ต่อวงท่อก็เพียงพอแล้ว ส่วนการดูแลก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก เมื่อทุกครั้งที่มีการตัดใบออกไปใช้ประโยชน์ ก็ต้องนำเอาปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักมาใส่กลบเอาไว้ครั้งละ 5 กิโลกรัมต่อท่อ จากนั้นก็รดน้ำตามปกติ หญ้าก็จะมีการเจริญงอกงามขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนระยะเวลาการตัดที่เหมาะสมในการเอาไปเป็นอาหารสัตว์ อยู่ที่ประมาณ 2 เดือนต่อครั้ง
แต่หากว่าจะใช้หญ้าสุวรรณภูมิเป็นวัตถุดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้า หญ้าสุวรรณภูมิจะต้องมีอายุอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไปถึงจะได้พลังงานที่มากพอในการผลิตไฟฟ้า
หญ้าสุวรรณภูมิ กับการผลิตไฟฟ้า
จากข้อมูลที่ได้จากทาง ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับ นางสุรนีย์ ศิริโรจน์ รวมถึงนางสาวสายทิพย์ แสงสิงแก้ว กรรมการบริหาร บริษัท ไบโอ-แพลนท์ส รอว์ แม็ททีเรียล จำกัด ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากพืชพลังงานสุวรรณภูมิ (รากแก้วพันธุ์พัฒนาใหม่) หรือหญ้าสุวรรณภูมิ กล่าวว่า
หญ้าสุวรรณภูมิ เป็นพืชในกลุ่มหญ้าเนเปียร์ ที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นใหม่
โดยบริษัท ไบโอ-แพลนท์ รอว์ แม็ททีเรียล จำกัด
ทั้งนี้ เพื่อนำไปต่อยอดในการพัฒนาต้นแบบโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทก๊าซชีวภาพของ กฟผ. รวมถึงพลังงานทดแทนประเภทอื่น ๆ ร่วมกันในอนาคต เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2563 ไปนั้น
ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. ระบุว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทั้งสองหน่วยงานจะได้ร่วมกันศึกษา วิจัย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมถึงพัฒนาการนำพืชพลังงานสุวรรณภูมิ มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ
ทั้งนี้ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพพืชพลังงานสุวรรณภูมิ สำหรับนำไปต่อยอดพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนร่วมกันในอนาคต หากวิจัยจนได้ข้อมูลที่ชัดเจนแล้วก็จะคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุดให้ชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียงกับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนทับสะแก อำเภอทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงโรงไฟฟ้าชุมชนแม่แจ่ม อำเภอแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ นำไปปลูกเพื่อจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิงให้โรงไฟฟ้า สร้างรายได้ให้ชุมชนอีกทางหนึ่ง
ด้านนางสุรนีย์ ศิริโรจน์ กรรมการบริษัท ไบโอ-แพลนท์สฯ กล่าวว่า บริษัทฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสร่วมศึกษาพืชพลังงาน เพื่อนำไปพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน โดยพืชพลังงานสุวรรณภูมินี้สามารถเติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน เป็นพืชที่โตเร็ว จากการประมาณการสามารถได้ผลผลิตอย่างน้อย 60 ตันต่อไร่ต่อปี รวมถึงสามารถตัดได้ปีละ 3 ครั้ง จึงเป็นการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรรวมถึงเป็นการสร้างความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง ทั้งค่าใช้จ่ายรวมถึงความต่อเนื่องของเชื้อเพลิงที่ใช้ในโรงไฟฟ้าอีกด้วย
สำหรับการการส่งเสริมในพื้นที่ต่างๆ ในตอนนี้เริ่มมีเกษตรกรปลูกแล้วในโซนขององค์การบริหารส่วนตำบลเวินพระบาท อำเภอท่าอุเทนรวมถึงกำลังจะขยายไปในโซนอื่น ๆ ซึ่งก็กล่าวได้ว่าเกษตรกรที่สนใจอยากปลูกสามารถเข้ามาเรียนรู้ที่ศูนย์วิจัยรวมถึงบำรุงพันธุ์สัตว์นครพนมได้ ส่วนต้นพันธุ์ทางศูนย์ก็พร้อมที่จะแจกจ่ายเพื่อให้เกษตรกรได้นำไปขยายพันธุ์ต่อไปในอนาคต
รวมถึงความร่วมมือดังกล่าวมีระยะเวลา 3 ปี โดย บริษัท ไบโอ-แพลนท์ส รอว์ แม็ททีเรียล จำกัด จะให้การสนับสนุนท่อนพันธุ์พืชพลังงานสุวรรณภูมิ (รากแก้วพันธุ์พัฒนาใหม่) ส่งเสริมความรู้เทคโนโลยีกระบวนการปลูก รวมถึงการบริหารจัดการแปลงพืชพลังงานสุวรรณภูมิ รวมทั้งการเก็บเกี่ยวด้วยวิธีการตัดสับ
ซึ่งจะดำเนินการในพื้นที่ของ กฟผ. อำเภอทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าทับสะแก เพื่อทดสอบประสิทธิภาพพืชพลังงานดังกล่าวในการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ รวมถึง กฟผ. จะดำเนินการศึกษา วิจัย รวมถึงพัฒนา การปลูก การดูแล การเก็บเกี่ยว การตัดสับ รวมถึงการทดสอบประสิทธิภาพการนำไปไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าประเภทก๊าซชีวภาพต่อไป
เพื่อทดสอบประสิทธิภาพพืชพลังงานดังกล่าวในการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ และ กฟผ.จะดำเนินการศึกษา วิจัย และพัฒนาการปลูก การดูแล การเก็บเกี่ยว การตัดสับ และการทดสอบประสิทธิภาพการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าประเภทก๊าซชีวภาพ
หากวิจัยจนได้ข้อมูลที่ชัดเจนแล้วก็จะคัดเลือกสายพันธุ์ดีที่สุดให้ชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียงกับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนทับสะแก และโรงไฟฟ้าชุมชนแม่แจ่ม อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ นำไปปลูกเพื่อจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิงให้โรงไฟฟ้า สร้างรายได้ให้ชุมชนอีกทางหนึ่ง