หลายคนได้เมล็ดพันธุ์มะละกอมา และอยากขยายพันธุ์ไว้ข้าง ๆ บ้านเผื่อจะมีผลสุก จะได้เก็บไว้กินเอง ประหยัดรายจ่าย การปลูกนั้นไม่ยากลองมาเริ่มกันเลย
โดยผู้เขียนจะแนะนำตั้งแต่ขั้นตอนการคัดแยกเมล็ดที่ดีและเสีย ออกจากกัน แล้วนำเมล็ดที่ดีนั้น ไปสู่ขั้นตอนการเพาะเมล็ด เพื่อจะได้เป็นต้นอ่อน จนถึงการปลูกลงดินและเก็บเกี่ยวผลผลิตกันเลย หากต้องการดูข้อมูลเร่งด่วน กดดูหัวข้อ การปลูกมะละกอในกระถาง ได้ก่อนเลย
มาเข้าเรื่องต่อ เมื่อเราได้เมล็ดพันธุ์มาแล้ว กรณีเมล็ดสดที่ได้จากผล ก็ให้นำไปแช่น้ำ ใช้ฝ่ามือประกบถูๆ ให้เยื่อหุ้มเมล็ดออกให้หมด แล้วคัดแยกเมล็ดที่เล็ก และไม่ได้คุณภาพทิ้งไป บางคนบอก ให้เลือกแต่เฉพาะเมล็ดสีน้ำตาล ส่วนเมล็ดสีดำทิ้งไป อันนี้ก็แล้วแต่สูตรใคร แต่สำหรับผู้เขียน เอาทั้งหมด
สูตรเพาะเมล็ดมะละกอ
- วิธีที่ 1 ผึ่งเมล็ดให้แห้ง แล้วห่อผ้าเอาไว้ ใส่ตู้เย็น
เมื่อได้เมล็ดพันธุ์พร้อมแล้ว นำมาแช่น้ำไว้ครึ่งวัน และล้างทำความสะอาดอีกรอบ เพื่อมั่นใจว่า จะไม่มีเยื่อหุ้มเมล็ดหลงเหลืออยู่ เพราะมันจะทำให้มะละกองอกช้า เสร็จแล้ว ผึ่งลมให้แห้ง และนำผ้าสะอาดมาห่อเอาไว้ แล้วใส่ไว้ในตู้เย็น รอเมล็ดงอก - วิธีที่ 2 แช่น้ำทิ้งไว้ 2 วัน จนงอก
นำเมล็ดที่ผ่านการทำความสะอาดแล้ว มาแช่น้ำทิ้งไว้ 2 วัน โดยต้องเปลี่ยนน้ำทุกวัน เพื่อป้องกันการเน่า เมื่อแช่ครบ 2 วันก็นำไปเพาะได้เลย
การเพาะ หากเป็นวิธีแรก อาจใช้ผ้าเปียกห่อเอาไว้ จะใส่ตู้เย็น หรือจะเอาไว้ในที่ร่มก็ได้ แต่หากเอาไว้ในที่ร่ม อาจต้องพรมน้ำบ่อย ๆ ป้องกันเมล็ดมะละกอแห้ง ราว 1 สัปดาห์ก็จะงอก
บางคนเพาะงอกในตู้เย็น โดยแช่เย็นในช่องปกติ อาจใช้เวลาสั้นกว่า เมล็ดก็จะงอก
หรือหากรอไม่ไหว นำเมล็ดที่แช่น้ำมาแล้ว 2 วันลงเพาะในถุงเพาะได้เลย ใช้เวลาประมาณ 5-7 วันก็จะมีแทงยอดอ่อนออกมาให้เห็น
การเตรียมดินปลูกสำหรับต้นกล้ามะละกอ
สำหรับดินที่ใช้ในการเพาะ อาจใช้แกลบดำหรือขุยมะพร้าวก็เพียงพอ วิธีเพาะงอกแบบทั่วไปคือ การแช่น้ำให้เมล็ดมะละกออุ้มน้ำจนอิ่ม ประมาณ 2 วัน (ต้องเปลี่ยนน้ำทุก 8 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้เมล็ดเน่า) หลังจากนั้นก็มาโรยลงในกระบะที่เตรียมแกลบดำเอาไว้ และรอประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าเมล็ดจะงอก
ดินปลูก สำหรับต้นกล้า
ควรนำดินท้องถิ่น ทรายหยาบ ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ขุยมะพร้าว อย่างละ 1 ส่วน มาผสมให้เข้ากัน (อาจฉีดพ่นหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง หรือน้ำยาเร่งรากร่วมด้วยก็ได้)
นำดินใส่ในถุงเพาะ และหยอดเมล็ดที่เริ่มงอก หรือหากเป็นต้นกล้าจากกระบะเพาะแล้ว ให้ตักมาใส่ถุงเพาะ และวางไว้ในที่ร่ม ในระยะต้นกล้านี้ ต้นมะละกออาจต้องการแสงบ้าง แต่ไม่ต้องการทั้งวัน ส่วนเรื่องน้ำ ให้รดน้ำเช้าเย็น สังเกตุความชื้น หากดินที่ผสมมีความชื้นมากเกินไป ให้เปลี่ยนเป็นรดน้ำวันละครั้ง
เมื่อต้นมะละกอโตประมาณ 30-40 ซม. สามารถนำไปปลูกลงดินได้เลย โดยใช้ส่วนผสมจากสูตรดินเดิม เพิ่มปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเป็น 2 ส่วน รอบๆ โคนต้น
การให้น้ำ ไม่ควรรดน้ำบริเวณต้นโดยตรง แต่ให้รดน้ำบริเวณรอบ ๆ แทน รอจนกว่าจะโต
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับการปลูกมะละกอ ได้จากที่นี่
ภาพบางส่วนจาก : technologychaoban.com
ความรู้ด้านการทำเกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ ล่าสุดในตอนนี้
ปลูกหอมแดงในกระถางอย่างไรให้ได้ผล
ปลูกหอมแดงในกระถาง ใครว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราอยากจะปลูกไว้ในกระถาง ฟังไม่ผิดหรอกว่าเราจะปลูก หอมแดงใน
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมวิธีทำให้ต้นไม้มีใบด่าง มีจริงหรือไม่?
มีเคล็ดลับในการทำให้ต้นไม้มีใบด่าง เรียนรู้เรื่องแสง ธาตุอาหาร สารเคมี เพื่อเพิ่มโอกาสให้ต้นไม้มีใบด
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมแคมเปญสินค้าลดราคา shopee พฤษภาคม 66
พบกับส่วนลดมากมาย และสินค้าลดราคาจาก shopee ประจำเดือนพฤษภาคม 2566 พร้อมโค้ดส่วนลด และโค้ดส่งฟรี จัด
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมปลูกมะเขือเทศในช่วงฤดูหนาว ทำอย่างไร
ปลูกมะเขือเทศในหน้าหนาว ฤดูหนาวก็เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกมะเขือเทศ เพราะฤดูนี้มะเ
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมแนะเกษตรกรลงทุนในทองคำ
การลงทุนในทองคำ ดีกว่าเก็บเงินทั้งปี เพราะราคาทองขึ้นกับน้ำหนัก การซื้อทอง 12 ครั้งใน 1 ปี คุ้มกว่า
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมถั่วฝักยาวไร้ค้าง การปลูกและการดูแล
ถั่วฝักยาวไร้ค้าง คือถั่วที่ถูกปรับปรุงสายพันธุ์ ให้ไม่จำเป็นต้องทำค้างให้ต้นถั่วเกาะเพื่อเติบโต ให้
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมแนะนำสินค้าจัดโปรโมชั่นพิเศษ
สถิติการรีวิวล่าสุด
คุณก็รีวิวบทความเราได้ แค่แชร์ แนะนำ หรือบอกต่อให้กับเพื่อนคุณ 💚
บทความเกษตรน่าสนใจ
แนะนำบทความเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ และน่าติดตาม บทความยอดนิยม
แนะนำบทความยอดนิยม ในหมวดต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับสมาชิกที่ต้องการเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์แบบพอเพียง และยั่งยืน เนื้อหาเข้าใจง่าย ทำได้จริง จากผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรโดยตรง
ปลูกมะละกอ 1 ไร่อย่างไรให้ได้เดือนละแสน
สารเร่งซูเปอร์ พด. และหัวเชื้อจุลินทรีย์ ใช้ทำอะไร
พืชใช้น้ำน้อย ทนแล้ง และให้ผลผลิตดี