ต้นโทงเทงไทย และเรื่องน่าสนใจของพืชชนิดนี้

ต้นโทงเทง ถ้าเป็นลูกโทงเทงฝรั่ง เขาเรียกว่า Cape Gooseberry แต่ถ้าเป็น ต้นโทงเทงไทย จะเรียกว่า Pygmy Groundcherry Fruit

ข้อมูลนี้ไม่เกินจริง เพราะโทงเทงที่เราเห็นกันนั้น มีเพียง 2 ชนิด คือ โทงเทงไทย และ โทงเทงฝรั่ง หากในบ้านเราก็มีชื่อเรียกหลายชื่อ แต่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Physalis minima Linn. ถือเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Solanaceae อย่างที่บอก เขามีชื่อเรียกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น

เช่น ต้อมต๊อก หรือ บาตอมต๊อก (เชียงใหม่), ปุงปิง (ปัตตานี), ปิงเป้ง (หนองคาย), หรือบางพื้นที่เรียกว่า พุ้งพิ้ง ส่วนใหญ่จะเป็นทางภาคใต้

ต้นโทงเทง จะขึ้นตามป่าและพื้นดินทั่วไป เรียกว่า ต้นโทงเทงป่า มีลักษณะเป็นไม้ล้มลุก ความสูง 30 – 40 เซนติเมตร ใบนุ่มและเรียบ มีดอกสีเหลือง ผลโทงเทง เมื่อสุกจะมีสีเหลืองคล้ายมะเขือเทศ หากอ่อนและแก่จะมีสีเขียว ลักษณะเด่นชัดคือ จะมีกลีบเลี้ยงหุ้มผลอยู่ ลักษณะรูปร่างเหมือนโคมไฟห้อย

ในพื้นที่ประเทศไทยจะพบ โทงเทงป่า ที่มีผลขนาดใหญ่สุด ประมาณหัวนิ้วโป้งมือ หรือ 1-1.5 เซนติเมตร เพราะเป็นพืชขึ้นได้ทั่วไป ชอบดินทรายและที่แห้ง ๆ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด จึงพบเห็นได้ไม่ยากตามริมทาง หรือป่ารกร้าง

ผลหรือลูกโทงเทง กินได้ รับประทานได้ และสัตว์จำพวกนก หนู ชอบมาก นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมเราจึงพบเจ้าต้นโทงเทงนี้ ตามข้างทางหรือพื้นที่ทั่วไป เพราะสัตว์กินและถ่ายมูลที่มีเมล็ดโทงเทงติดมาด้วย ย่อมทำให้เจ้าต้นนี้งอกได้ทุกพื้นที่

ข้อแตกต่างระหว่าง โทงเทงไทย และ โทงเทงฝรั่ง

โทงเทงฝรั่ง เรียกว่า เคพกูสเบอร์รี (Cape Gooseberry) เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ มีรสหวานอมเปรี้ยว บ้างก็เปรี้ยวเลี่ยน ๆ มีขนาดผลใหญ่กว่าต้นโทงเทงไทย มีกลิ่นหอมเฉพาะ ด้วยขนาดผลที่ใหญ่ ประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร แต่รสชาติและสรรพคุณไม่ต่างกันมาก มักจะนิยมนำผลไม้ชนิดนี้มาขึ้นเคียงเครื่องคาวหวาน ด้วยผลที่ใหญ่ จึงทำให้ราคาแพงตามด้วย

ปัจจุบันยังคงมีการใช้โทงเทง เป็นสมุนไพรในการรักษาอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะในชุมชนท้องถิ่นต่าง ๆ ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การสืบทอด ในเรื่องของการนำ ต้นโทงเทงไทย มาใช้ประโยชน์

โทงเทงไทย แม้จะมีผลเล็กว่า แต่ก็มีสรรพคุณทางยาที่มากกว่าด้วย

สรรพคุณของโทงเทง ทั้งพันธุ์ไทยและพันธุ์ฝรั่ง  ต่างก็มีคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ เพียงแต่ ขนาดผล ไม่ได้วัดว่าจะมีดีกว่า เพราะหากสืบประวัติการนำโทงเทงมาใช้ในด้านสมุนไพรแล้ว ส่วนใหญ่ จะมีการนำพันธุ์ผลเล็ก มาใช้มากกว่า เนื่องจากมีสรรพคุณที่ดีกว่านั่นเอง

โทงเทงไทย มีราคาเท่าไหร่

หากถามหาราคาซื้อขายผลโทงเทง ที่นิยมนำมาขาย ส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ฝรั่ง  เนื่องจากผลใหญ่ และรสชาติหวานเปรี้ยว

ส่วนผลโทงเทงไทย ที่ไม่นิยมนำมาขายกัน เดาเอาว่าเพราะ ขนาดผลจะเล็กกว่า อีกทั้งบางต้นที่พบ มักจะมีรสชาติ ขม เปรี้ยว เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีไม่น้อยที่มีรสชาติไม่ต่างกับโทงเทงฝรั่ง ที่สำคัญ พบได้ทั่วไปในพื้นที่รกร้าง ข้างทาง ริมถนน หรือริมรั้วบ้าน เพราะไม่ต้องหาซื้อก็มีให้ลองชิมลองกิน

ราคาเฉลี่ย ขึ้นอยู่กับขนาดของผล โดยผลขนาด 2 เซนติเมตร จะขายกันที่ 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 120-160 บาท หากใครต้องการก็ลองหาเอาในร้านค้าออนไลน์ ที่มีวางจำหน่ายมากมาย หากอยากให้ทางเราแนะนำ ก็นี่เลย

ผลโทงเทงรับประทานได้ โดยเฉพาะพันธุ์ฝรั่ง ผลใหญ่

จะเหมาะสำหรับนำไปรับประทานเป็นของว่าง หรือนำไปประดับในจานอาหาร ส่วนรสชาติก็ หวาน เปรี้ยว แล้วแต่ว่าจะหยิบเอามาจากต้นพันธุ์ไหน เพราะแม้จะอยู่ในต้นเดียวกัน แต่รสชาติก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี รสหลักคือ หวาน, หวานอมเปรี้ยว, เปรี้ยว

ส่วนรสขม (เป็นยา) จะมีเฉพาะในโทงเทงไทย

ผลโทงเทงนั้น โดยเฉพาะพันธุ์ฝรั่ง ผลใหญ่ จะเหมาะสำหรับนำไปรับประทานเป็นของว่าง หรือนำไปประดับในจานอาหาร ส่วนรสชาติก็ หวาน เปรี้ยว แล้วแต่ว่าจะหยิบเอามาจากต้นพันธุ์ไหน เพราะแม้จะอยู่ในต้นเดียวกัน แต่รสชาติก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี รสหลักคือ หวาน, หวานอมเปรี้ยว, เปรี้ยว, ขม (มีเฉพาะในโทงเทงไทย)

วิธีปลูกต้นโทงเทง ไทย-หรั่ง

เนื่องจากเป็นตระกูลใกล้เคียงกับ มะเขือเทศ การปลูกก็ใช้เทคนิค การปลูกมะเขือเทศ หรือ ปลูกมะเขือยาว ได้เหมือนทั่วไป ที่สำคัญคือ ไม่ต้องดูแลมาก เนื่องจากธรรมชาติของโทงเทงนั้น เอาตัวรอดเก่ง การให้น้ำบ่อยเกินไปจะทำให้ตายได้ง่าย ๆ ชอบดินร่วนปนทราย และชอบสภาพอากาศแห้ง ๆ ไม่ชื้นแฉะ

หากต้องการผลรสชาติหวาน ก็ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักบ้าง แต่ไม่ต้องบ่อย ปลูกได้ทั้งในกระถางและลงแปลง ศัตรูพืชส่วนใหญ่จะเป็น นกและหนู ที่ชอบกินผล ไม่มีข้อมูลเรื่องแมลงศัตรูพืช

การขาดน้ำจะทำให้ต้นโทงเทงให้ผลที่มีรสชาติหวานมาก ๆ แต่หากให้น้ำบ่อยจะทำให้ผลมีรสชาติขม หรือเปรี้ยวอมหวาน

คุณก็รีวิวบทความเราได้ แค่แชร์ แนะนำ หรือบอกต่อให้กับเพื่อนคุณ 💚