รัฐหนุนสวนลำไยคุณภาพ โรงงานอาหารสัตว์เตรียมรับข้าวโพดฤดูใหม่

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 กระทรวงเกษตรฯ โดย รมว. อรรถกร ศิริลัทธยากร นำประชุมฟรุ๊ตบอร์ด เห็นชอบโครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพ วงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงสวน ยกระดับผลผลิตเป็นเกรด A-AA ครอบคลุม 600,000 ไร่ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ มีเป้าหมายเพิ่มรายได้และสร้างเสถียรภาพราคาลำไยในระยะยาว ควบคู่มาตรการเร่งด่วน เช่น สินเชื่อแปรรูป การกระจายผลผลิต และการตลาดออนไลน์ พร้อมคุมเข้มสารตกค้าง โดยเฉพาะในทุเรียนส่งออกจีน

ด้านสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยเผยว่า โรงงานเตรียมเปิดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูใหม่ในเดือน ส.ค. หลังหยุดรับซื้อช่วงหมดฤดูและซ่อมบำรุงเครื่องจักรตามปกติ ย้ำไม่เกี่ยวกับการกดดันให้เปิดนำเข้า และยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อวัตถุดิบภายในประเทศ โดยยึดมาตรการ 3:1 ของรัฐอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาสมดุลระหว่างเกษตรกรไทยและภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์

สรุปข่าวสำคัญเกี่ยวกับ จากสำนักข่าวประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 06:43 น.

จากรายงานข่าวของสำนักข่าวไทย เรื่อง ฟรุ๊ตบอร์ด​เห็น​ชอบ​โครงการ​พัฒนา​ลำไย​ ดันราคาระยะยาว มีการนำเสนอเรื่องนี้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 06:43 น. นั้น

ฟรุ๊ตบอร์ด​เห็น​ชอบ​โครงการ​พัฒนา​ลำไย​ ดันราคาระยะยาว

นาย อรรถกร รมว.เกษตรฯ นำประชุมฟรุ๊ตบอร์ด เห็นชอบโครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพ ทุ่ม 1,000 ล้านบาท เพิ่มลำไยเกรด A-AA เตรียมเสนอ ครม. มั่นใจแก้ปัญหายั่งยืน

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ครั้งที่ 5/2568 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบโครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อผล ฟื้นฟูสวนลำไย เพื่อเพิ่มรายได้และยกระดับผลผลิต โดยเน้นการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาว ทั้งด้านการผลิตและการตลาด เพื่อสร้างความมั่นคงในอาชีพชาวสวนลำไยและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในตลาดโลก

สำหรับโครงการนี้ สนับสนุนค่าตัดแต่งทรงพุ่ม กิ่ง และช่อผล รวมถึงปัจจัยการผลิต อัตราไร่ละ 1,400 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน ภายใต้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขให้เกษตรกรดำเนินการตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อผล ฟื้นฟูสวน และเข้ารับการอบรมการผลิตลำไยคุณภาพ โดยตั้งเป้าหมายพื้นที่ 600,000 ไร่ ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง ตาก แพร่ และน่าน เพื่อเพิ่มสัดส่วนผลผลิตลำไยคุณภาพเกรด A และ AA ให้มากขึ้น ยกระดับราคาและรายได้เกษตรกร ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ จะเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็ว ๆ นี้

นายอรรถกร กล่าวว่า “โครงการดังกล่าวเป็นมาตรการช่วยเหลือระยะยาวเพื่อให้ชาวสวนลำไยปรับปรุงสวนให้ได้ผลผลิตคุณภาพสูงขึ้น สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน และสร้างรายได้ที่มั่นคงกว่าเดิม ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดซ้ำในทุกปีให้มีความยั่งยืนขึ้น”

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยังเตรียมมาตรการเร่งด่วนควบคู่เพื่อรับมือผลผลิตที่ออกสู่ตลาดจำนวนมาก ได้แก่

  • มาตรการสินเชื่อ เพื่อซื้อลำไยแปรรูปอบแห้งปลอดดอกเบี้ย ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมวิชาการเกษตร และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
  • มาตรการกระจายผลผลิตลำไยสด โดยองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กระทรวงศึกษาธิการ บริษัทค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ทัณฑสถาน และหน่วยงานเอกชน
  • มาตรการด้านตลาดออนไลน์และการสื่อสาร ผ่านผู้มีอิทธิพลทางสังคม (KOL)
  • มาตรการแรงงานเก็บเกี่ยว โดยประสานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายแรงงานเก็บเกี่ยวผลผลิต

ข้อมูลสรุปผลการเก็บเกี่ยวผลไม้ ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ซึ่ง​พบว่า​ มีปริมาณ​มากกว่า​ปี​ที่​ผ่าน​มา​ ประกอบด้วย​ ลำไยสดช่อ ผลผลิตแล้ว 67,653.44 ตัน (31.39%) ราคาเฉลี่ย 34.71 บาท/กก. , ลำไยรูดร่วง ผลผลิตแล้ว 61,165.50 ตัน (11.65%) ราคาเฉลี่ย 24.23 บาท/กก. ทุเรียน ให้​ผลผลิตแล้ว 270,693.56 ตัน (57.60%) ราคาเฉลี่ย 96 บาท/กก., มังคุด ให้​ผลผลิตแล้ว 64,325.24 ตัน (73.94%) ราคาเฉลี่ย 30 บาท/กก. , เงาะ ให้​ผลผลิตแล้ว 11,534.66 ตัน (33.99%) ราคาเฉลี่ย 38 บาท/กก.และ ลองกอง ให้ผลผลิตแล้ว 329.05 ตัน (3.41%) ราคาเฉลี่ย 40 บาท/กก.

นายอรรถกร ย้ำว่า กระทรวงเกษตรฯ จะติดตามสถานการณ์ผลผลิตอย่างใกล้ชิด พร้อมเดินหน้ามาตรการทุกด้านเพื่อเร่งระบายผลผลิต ลดผลกระทบด้านราคา และยกระดับมาตรฐานการผลิตให้แข่งขันได้ในตลาดโลก พร้อมทั้งคุมเข้มการปนเปื้อนสารห้ามใช้ โดยเฉพาะในทุเรียนส่งออกจีน หากตรวจพบจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อรักษาชื่อเสียงของผลไม้ไทย.

รวมถึงรายงานข่าวของ Thairath เรื่อง ได้เวลาโรงงานอาหารสัตว์เปิดรับข้าวโพดฤดูกาลใหม่ในเดือนสิงหาคมนี้ มีการนำเสนอเรื่องนี้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 18:02 น. ที่มีรายละเอียดคือ

ได้เวลาโรงงานอาหารสัตว์เปิดรับข้าวโพดฤดูกาลใหม่ในเดือนสิงหาคมนี้

นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยเผยโรงงานอาหารสัตว์พร้อมเปิดรับข้าวโพดฤดูกาลใหม่ในเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากหยุดรับช่วงนอกฤดู ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

จากการเปิดเผยของนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย กล่าวว่าการที่สมาชิกสมาคมหลายรายหยุดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ชั่วคราวในช่วงนี้นั้นเป็นเรื่องปกติที่ทำกันเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวและขายผลผลิตออกไปหมดแล้ว

จึงเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดที่โรงงานอาหารสัตว์จะทำการซ่อมบำรุงเครื่องจักร ล้างทำความสะอาด ซึ่งจะกลับมารับซื้ออีกครั้งหลังการซ่อมบำรุงแล้วเสร็จพร้อมเปิดรับข้าวโพดฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะออกมาในช่วงเดือนสิงหาคมนี้“เป็นเรื่องปกติที่โรงงานอาหารสัตว์บางแห่งจะหยุดรับซื้อในช่วงนี้เพื่อปรับปรุงและซ่อมบำรุงเครื่องจักร เตรียมพร้อมรอรับผลผลิตชุดใหม่ที่กำลังจะออก ซึ่งแต่ละแห่งจะเลือกช่วงที่เหมาะสมที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบเกษตรกร

อย่างไรก็ตาม โรงงานของสมาชิกสมาคมมีมากกว่า 100 โรงงานทั่วประเทศ ไม่ได้หยุดซื้อทั้งหมด ยังคงมีการซื้อ-ขายตามปกติ” นายพรศิลป์กล่าวทั้งนี้โรงงานอาหารสัตว์ในประเทศไทยไม่ว่ารายเล็กรายใหญ่ ต่างให้ความสำคัญกับการจัดซื้อวัตถุดิบภายในประเทศเป็นสำคัญ โดยมีมาตรการของรัฐกำกับดูแลเพื่อป้องกันผลกระทบต่อเกษตรกรอยู่แล้ว เช่น มาตรการ 3:1 ในปี 2568 นี้

รัฐบาลได้เพิ่มความเข้มงวดของมาตรการ 3:1 โดยจำกัดช่วงเวลาซื้อข้าวโพดไทย เพื่อแลกการนำเข้าข้าวสาลี ทำให้สมาชิกสมาคมต้องบริหารการจัดซื้อข้าวโพดในประเทศกับการนำเข้าข้าวสาลีให้สมดุลที่สุด การกำหนดให้นับการรับซื้อข้าวโพดตั้งแต่ 1 สิงหาคมของทุกปี เพื่อนำเข้าข้าวสาลีในปีถัดไปจึงทำให้โรงงานต้องพิจารณาวางแผนบริหารจัดการให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ กรณีที่กรมการค้าภายในมีหนังสือขอความร่วมมือไม่หยุดรับซื้อโดยไม่มีสาเหตุ และให้รายงานแผนซึ่งสมาคมได้แจ้งสมาชิกเพื่อให้ความร่วมมือและมีหนังสือตอบกลับไปยังกรมการค้าภายในแล้ว โดยได้ฝากกรมการค้าภายในให้ช่วยติดตามและรายงานแผนการหยุดรับซื้อและหยุดส่งข้าวโพดของพ่อค้าคนกลางด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับเกษตรกรภาคปศุสัตว์

“ขอให้ความมั่นใจว่าการหยุดรับซื้อเป็นเรื่องปกติ โดยหลายแห่งที่ซ่อมบำรุงแล้วเสร็จก็ทยอยเปิดกันแล้ว คาดว่าจะเปิดกันทุกโรงได้ตั้งแต่สิงหาคมเป็นต้นไป ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการกดดันรัฐบาลให้นำเข้าข้าวโพดสหรัฐฯ และการนำเข้าข้าวโพดสหรัฐฯ เป็นทางออกหนึ่งที่จะช่วยอุตสาหกรรมอื่นๆ ตลอดจนภาพรวมของประเทศไทย โดยไม่กระทบเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดไทยแต่อย่างใด เนื่องจากมีมาตรการดูแลเกษตรกรภายในประเทศอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว”

นายพรศิลป์กล่าวทิ้งท้ายทั้งนี้การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบ่งฤดูกาลปลูกออกเป็น 2 ฤดู คือ

  • ข้าวโพดฤดูฝน จะเริ่มปลูกประมาณช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน และเก็บเกี่ยวในเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน
  • ข้าวโพดฤดูแล้ง จะเริ่มปลูกช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ และเก็บเกี่ยวในเดือนมีนาคม-พฤษภาคมโดยส่วนใหญ่เกษตรกรจะเลือกปลูกข้าวโพดฤดูฝนเพียงรอบเดียว

เนื่องจากดูแลง่ายกว่าข้าวโพดฤดูแล้ง เพราะการปลูกข้าวโพดส่วนใหญ่เป็นการปลูกแบบอาศัยน้ำฝน การปลูกและการให้ผลผลิตของข้าวโพดจึงขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนและการกระจายของฝนที่ตกตลอดฤดูปลูก

ข้อมูลอ้างอิง

ความรู้ด้านการทำเกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ ล่าสุดในตอนนี้

ข้าววัชพืช ปัญหาที่แก้ไม่ตกของชาวนา

ข้าววัชพืช หรือ หญ้าข้าวผี ข้าวที่ชาวนาไม่ต้องการ ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Oryza rufipogon Griff

อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติม
จะเกิดอะไรขึ้นหากระบบเกษตรกรรมเกิดการแข่งขัน

เปิดศึกชาวนา กับหัวข้อน่ารู้ จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเกษตรกรรม ผสมรวมเข้ากับการแข่งขันแบบเต็มตัว

อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติม
ปลูกถั่วฝักยาวแบบอินทรีย์

ถั่วฝักยาว สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินแทบจะทุกชนิด แต่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกแบบอินทรีย์คือ ใน

อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติม
การปลูกขมิ้นชันในกระถางสร้างรายได้เพิ่ม

ใครอยากปลูกผักพื้นที่น้อย สร้างรายได้ แนะนำให้อ่านเรื่องนี้เลย รับรองแก้จนได้แน่นอน

อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติม
สารเร่งซูเปอร์ พด. และหัวเชื้อจุลินทรีย์ ใช้ทำอะไร

สารเร่ง พด. ใช้กันมากในอุตสาหกรรมการเกษตร แม้แต่ภาคครัวเรือนก็จำเป็นอย่างสูง หากใครต้องการทำเกษตร ขา

อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติม
รับจำนำข้าว กาลอวสานของข้าวไทย

รับจำนำข้าวไทย นโยบายที่แต่ก่อนถูกบูลลี่หนัก แต่ปัจจุบัน กลับถูกยกย่องว่าดี ประเทศนี้เอาแน่เอานอนไม่

อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติม

แนะนำสินค้าจัดโปรโมชั่นพิเศษ

สถิติการรีวิวล่าสุด

คุณก็รีวิวบทความเราได้ แค่แชร์ แนะนำ หรือบอกต่อให้กับเพื่อนคุณ 💚

บทความเกษตรน่าสนใจ

แนะนำบทความเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ และน่าติดตาม บทความยอดนิยม

แนะนำบทความยอดนิยม ในหมวดต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับสมาชิกที่ต้องการเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์แบบพอเพียง และยั่งยืน เนื้อหาเข้าใจง่าย ทำได้จริง จากผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรโดยตรง

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณขณะใช้งานเว็บไซต์ คุณสามารถเลือกที่จะยอมรับได้โดยคลิกที่ปุ่มได้เลย