ลงประกาศ ข่าวสาร พูดคุยกัน รับโฆษณาสินค้า
รับลงโฆษณาสินค้า สร้าง Backlink คุณภาพ อย่างเดียว หรือมีเนื้อหาและแนบลิ้งด้วยบน Guest Post รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในด้านต่าง ๆ ใครอยากลงประกาศขายสินค้า หรือโพสประกาศฟรี โปรดติดต่อที่ ติดต่อเรา กฏข้อห้ามเล็กน้อย ไม่อนุญาตเนื้อหาเกี่ยวกับ สถาบัน การเมือง หมิ่นประมาท การพนันและผิดกฏหมาย เนื้อหาเกี่ยวกับเพศ เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ไม่รับทุกกรณี
"สวนภักดีเจริญ" ยึดมั่นแนวพระราชดำริสู่ "ศูนย์เรียนรู้แห่งใหม่" ทำเกษตรแบบผสมผสาน
ต.สามพระยา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เป็นพื้นที่เขตอับฝน ในอดีตมีการตัดไม้ เพื่อทำถ่านขายโดยไม่มีการปลูกทดแทน อีกทั้งราษฎรส่วนใหญ่ปลูกสับปะรด เพื่อส่งโรงงานสับปะรดกระป๋อง มีการใช้สารเคมีจำนวนมาก เพื่อเร่งการเจริญเติบโต เพื่อให้ผลผลิตได้ตามขนาดที่โรงงานต้องการ ดินขาดการบำรุงรักษา ทำให้ดินเสื่อมสภาพประกอบกับขาดการบำรุงรักษาที่ถูกต้องทำ ทำให้คุณภาพของดินต่ำลง ประกอบกับเครื่องจักรกลด้านการผลิตยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร
แรงงานคนจึงมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมนี้ ราษฎรจำนวนไม่น้อย จึงอพยพย้ายถิ่นจากสถานที่ต่างๆ เข้ามาเป็นแรงงานในไร่สับปะรด หนึ่งในนั้นก็มีชาวไทยมุสลิมบ้านคลองแขก ต.ปลายโพงพาง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม และเมื่อโรงงานอุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋องย้ายฐานการผลิตไปยัง จว.อื่น ราษฎรส่วนนี้ก็ยังคงทำกินในพื้นที่เดิม แต่ด้วยสภาพดินที่เสื่อมโทรมจึงไม่ประสบความสำเร็จในการเพาะปลูกนัก
ในปี พ.ศ.2526 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ขึ้นเพื่อศึกษาวิจัย ทดลองการแก้ไขปัญหาของพื้นที่โดยเฉพาะเรื่องดิน แล้วก็น้ำ พร้อมจัดสรรที่ทำกินให้แก่ราษฎรในพื้นที่ที่อยู่บริเวณรอบโครงการ ครอบครัวละ 11 ไร่ จำนวน 36 ครอบครัว
นายสายันต์ ภักดีเจริญ หนึ่งในผู้ที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากรุ่นพ่อที่เป็นหนึ่งในสมาชิกหมู่บ้าน 36 ครอบครัว แจ้งข้อมูลว่า ครอบครัวภักดีเจริญ ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนั้นด้วย พื้นที่ที่ได้รับแบ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้บริเวณอ่างเก็บน้ำที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำไว้ก่อนที่จะให้ราษฎรเข้าใช้ประโยชน์ จำนวน 5 ไร่ ร่วมกับพื้นที่ไกลน้ำจำนวน 6 ไร่ ซึ่งต่อมากรมชลประทานได้วางระบบท่อน้ำระบบจ่ายน้ำให้ราษฎรภายในหมู่บ้าน จึงทำให้มีน้ำเพื่อใช้ทำการเกษตร ทุกคนจึงเปลี่ยนอาชีพทำไร่สับปะรดมาปลูกพืชอื่นๆ
สำหรับตัวเองได้นำแนวพระราชดำริเรื่องการทำเกษตรแบบผสมผสาน รวมถึงปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการทำเกษตร โดยมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มาให้คำแนะนำในการปลูกพืชผัก ประกอบกับไม้ผลชนิดต่างๆ ทั้งไม้ผล พืชผักสวนครัวตามฤดูกาล มีรายได้ทุกวัน ในส่วนพื้นที่ไกลน้ำก็เลี้ยงแพะ โคนม ประกอบกับโคขุน ทำให้ปัจจุบัน นายสายันต์ ภักดีเจริญ ประสบความสำเร็จในการดำรงชีพมีรายได้เพียงพอไม่มีหนี้สิน เป็นแบบอย่างให้แก่ชุมชนจนหลายครอบครัวนำไปปฏิบัติใช้ในพื้นที่ของตนเอง
“แม้กระนั้นเราทำการเกษตรแบบผสมผสานนำแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชผักหมุนเวียน ปลูกไม้ให้ผลผสมผสานกันในแปลงเดียว พื้นที่ 5 ไร่ ก็มีกินมีใช้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ ยังสามารถเลี้ยงสัตว์เอาผลผลิตจากสัตว์ มาบริโภค รวมทั้งขายได้ เช่น เลี้ยงไก่ ได้ทั้งเนื้อไก่ ไข่ไก่ ร่วมด้วยมูลไก่ เป็นการลดรายจ่ายให้ครอบครัวเป็นอย่างดี แถมมีรายได้ ทั้งรายวัน รายเดือน ประกอบไปด้วยรายปี โดยไม้ผลจะเป็นรายได้รายปี อาทิ มะม่วง ขนุน ส้มโอ ฝรั่ง และอีกหลายๆ อย่างที่ปลูกในพื้นที่เดียวกันเป็นการผสมผสานกัน”
“รายได้รายเดือนก็จะมีพืชไร่ เช่น อ้อยคั้นน้ำ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยเล็บมือนาง ส่วนรายวันก็มาจากพืชผักหมุนเวียนที่ปลูก ตอนนี้รายได้วันละประมาณ 300 กว่าบาท ก็พอเลี้ยงชีพได้ นอกจากนี้ ยังทำสมุนไพรป้องกัน รวมทั้งกำจัดศัตรูพืช 3 สาบ ประกอบด้วย สาบเสือ สาบแร้ง สาบกา ในอัตรา 3 ส่วน นำมาบด แล้วผ่านกระบวนการกลั่น จะได้สาร 3 สาบ เพื่อกำจัด รวมถึงป้องกันแมลง ซึ่งจะใช้ได้ผลดี ลดต้นทุนค่าสารเคมี ปลอดภัยทั้งเกษตรกรประกอบกับผู้บริโภค” นายสายันต์ กล่าว
ปัจจุบันแปลงเพาะปลูกของนายสายันต์ ภักดีเจริญ ได้รับการจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้การน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการทำการเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อให้เกษตรกร ประกอบกับผู้คนโดยทั่วไปเข้าศึกษาเรียนรู้ นำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ตนเองต่อไป
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ได้นำคณะที่เข้าร่วมประชุมโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริสัญจร ปี 2566 ซึ่งประกอบด้วย ผู้บริหาร หมายรวมไปถึงผู้ปฏิบัติงานจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทั้ง 6 แห่ง รวมทั้งศูนย์สาขาจากทั่วประเทศ เข้าศึกษา ดูงาน ณ ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ เพื่อนำไปเป็นแบบอย่างในการขยายผลการพัฒนาและก็ถ่ายทอดองค์ความรู้ และด้านการบริหารจัดการโดยเกษตรกร พร้อมร่วมกำหนดทิศทางการดำเนินงานให้เหมาะสมเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน เป็นไปตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ร่วมด้วยต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สืบไป
เรียบเรียงใหม่จากเนื้อหาเรื่อง : ศูนย์เรียนรู้ทำเกษตรแบบผสมผสานแห่งใหม่ เพชรบุรี และอย่าพลาดเรื่องราวต่าง ๆ ของเรา ที่เดียว
รับโฆษณาสินค้า กับเรา กระดานข่าวเกษตรอินทรีย์